8 เส้นทางท่องเที่ยวหน้าหนาว นั่งรถไฟไปไหนดี
1. นั่งรถไฟไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ณ กิ่วแม่ปาน จ.เชียงใหม่
“เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” ตลอดเส้นทางจะได้ดื่มด่ำกับความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้น้อยใหญ่ ที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกขาวและอากาศเย็นจัด ถือเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้นที่สามารถไปเดินเพลิน ๆ ได้ไม่ยาก เพราะมีวงรอบระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 พฤษภาคม ของทุกปีการเดินทาง : โดยสารรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ ลงที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ เช่ารถขับไปเองหรือโดยสารรถสองแถวไปลงที่ประตูเมือง จะมีท่ารถสองแถวอยู่ตรงข้ามตลาด (เขียนว่าไปจอมทอง) นั่งไปลงปลายทางที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง หรือทางแยกเข้าดอยอินทนนท์ ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร แล้วต่อรถสองแถวขึ้นดอยอินทนนท์ไปกิ่วแม่ปานอีก 42 กิโลเมตร
2. นั่งรถไฟเที่ยวบ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ นอนโฮมสเตย์ กินอาหารอร่อย
หมู่บ้านกลางหุบเขาขนาดกะทัดรัด แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วไทยอยากไปสักครั้ง เพื่อจะได้สัมผัสกับบ้านเรือนผู้คนที่แทรกซึมไปตามถนนสายเล็ก ๆ ใช้วิถีชีวิตเรียบง่าย บางหลังเปิดเป็นโฮมสเตย์ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือร้านขายของที่ระลึกน่ารัก ๆ รองรับแขกผู้เยือน และไม่ควรพลาดการลิ้มลองอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ อย่าง “ไข่ป่าม” เมนูไข่ย่างใส่ในใบตองอยู่บนเตาถ่าน รสชาติคล้ายไข่เจียวแบบที่ไม่มีน้ำมัน ชิมแล้วจะติดใจ การเดินทาง : โดยสารรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ ลงที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ หลังจากนั้นจะเหมารถสองแถวแดงหรือเช่ารถขับไปยังแม่กำปองก็ได้แล้วแต่ความสะดวก โดยระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปบ้านแม่กำปองประมาณ 50 กิโลเมตร
3. นั่งรถไฟ ต่อรถ เดินขึ้นดอยฟ้างาม จ.ลำปาง ชมทะเลหมอกกว้างไกล
จุดชมวิวทะเลหมอกในยามเช้าที่สวยงามของลำปาง ที่นี่สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้แบบ 360 องศา แถมยังถูกโอบล้อมด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงาม สมกับการเดินทางที่จะต้องเดินลัดเลาะเขาชันสลับที่ราบ ผ่านป่าเขาน้อยใหญ่ ในระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร กับเวลา 2 ชั่วโมง เพื่อขึ้นไปยลโฉมทะเลหมอกแห่งนี้ ทั้งนี้ บนยอดดอยสามารถพักค้างแรมได้ แต่ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า
การเดินทาง : โดยสารรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ ลงที่สถานีรถไฟนครลำปาง โดยสารรถรับจ้าง (ที่มีให้บริการบริเวณสถานีรถไฟ) ไปลงที่คิวรถแจ้ห่ม จากนั้นนั่งรถสองแถวสีฟ้าสายลำปาง-แจ้ห่ม ลงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ บ้านสาแพะ ระยะทางประมาณ 55 กิโลเมตร แล้วติดต่อรถกระบะจากชาวบ้านให้ออกมารับเพื่อเดินทางไปวัดสาแพะพนาราม ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ที่นี่สามารถอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาได้ ก่อนที่รถจะไปส่งยังพระพุทธบาทสี่รอยห้วยลูด ซึ่งเป็นจุดเดินขึ้นดอย
4. นั่งรถไฟเที่ยวเนินมะปราง จ.พิษณุโลก เสพความสุขกับขุนเขาและท้องทุ่ง
ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาหินปูนและท้องทุ่งนากว้างใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย ที่นี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางยามฤดูหนาวมาเยือน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ทั้งจุดชมวิวบ้านรักไทย ไฮไลต์ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเนินมะปราง เพราะมีสลิงชิงช้าอยู่บนต้นไม้สูง ทำให้มองเห็นวิวได้อีกรูปแบบหนึ่ง หรือชมค้างคาวนับล้านตัวบินออกหากินยามเย็น บริเวณปากถ้ำของภูเขาหินปูนในพื้นที่ ต.บ้านมุง เป็นต้น
การเดินทาง : โดยสารรถไฟสายกรุงเทพ-พิษณุโลก ลงที่สถานีรถไฟพิษณุโลก จากนั้นโดยสารรถตุ๊ก ๆ ไปที่ บขส. เก่า เพื่อต่อรถบัสสายพิษณุโลก-เนินมะปราง ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.30-2 ชั่วโมง ก็ถึง อ.เนินมะปราง ลงที่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเนินมะปราง เพื่อสอบถามรายละเอียดได้เลย
5. นั่งรถไฟเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ไปเดินป่าและส่องสัตว์
อุทยานฯเต็มไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่านานาชนิด โดยมีแหล่งท่องเที่ยว เช่น น้ำตกเหวนรก น้ำตกเหวสุวัต หอดูสัตว์หนองผักชี ผากล้วยไม้ จุดชมวิว กม.30 หรืออ่างเก็บน้ำสายศร เป็นต้น หน้าหนาวนี้การนั่งรถไฟไปดื่มด่ำกับธรรมชาติก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยการเดินทาง : โดยสารรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ลงที่สถานีรถไฟปากช่อง จ.นครราชสีมา แล้วต่อรถสองแถวที่ตลาด อ.ปากช่องไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร
6. นั่งรถไฟชมแสงแรกที่ผาแต้ม จ.อุบลราชธานี
ผาแต้ม แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของไทย เพราะบริเวณด้านล่างของหน้าผามีภาพเขียนอายุมากกว่าสามพันปีปรากฏเรียงรายอยู่ ทั้งยังเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งด้วย นอกจากนี้ใกล้ ๆ กันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างเสาเฉลียง เสาหินธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมนับล้านปี หรือช่วงปลายฝนจนถึงปลายฤดูหนาว หลายพื้นที่ในอุทยานจะถูกแต่งแต้มไปด้วยดอกไม้ป่านานาชนิดการเดินทาง : โดยสารรถไฟสายกรุงเทพ-อุบลราชธานี ลงที่สถานีรถไฟอุบลราชธานี เช่ารถขับไปเองหรือโดยสารรถสองแถวไปสถานีขนส่งผู้โดยสาร ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร แล้วต่อรถตู้สายนาโพธิ์กลางไปลงที่ทางเข้าอุทยานผาแต้ม ระยะทางประมาณ 95 กิโลเมตร จากนั้นเดินเข้าไปอีก 5 กิโลเมตร หรืออีกหนึ่งวิธีคือจาก บขส. อุบลฯ ต่อรถตู้สายนาโพธิ์กลางไปลงที่อำเภอโขงเจียม ระยะทางประมาณ 110 กิโลเมตร จากนั้นเหมารถรับจ้างหรือขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ในระยะทาง 20 กิโลเมตร ได้เลย
7. นั่งรถไฟไปชมทะเลหมอก ณ ภูห้วยอีสัน จ.หนองคาย
ชมความอลังการของทะเลหมอกเหนือริมน้ำแม่โขงสองฝั่งไทย-ลาว กว้างสุดลูกหูลูกตา ในบรรยากาศเงียบสงบ ค่อย ๆ เสพความงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ให้เราได้ยล ทั้งนี้ ไม่อนุญาตให้นำรถขึ้นไปเอง การขึ้นไปยังภูห้วยอีสันจะต้องนั่งรถอีแต๊กของชาวบ้านขึ้นไป โดยผ่านการอำนวยความสะดวกจาก อบต.บ้านม่วงการเดินทาง : โดยสารรถไฟสายกรุงเทพ-หนองคาย ลงที่สถานีรถไฟหนองคาย จากนั้นโดยสารรถสกายแล็บไป บขส. เพื่อต่อรถประจำทางสายหนองคาย-เลย ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร (มีรอบ 07.00 และ 11.00 น.) ลงระหว่างทางที่บ้านม่วง แล้วหาที่พักใกล้จุดขึ้นรถอีแต๊กที่สุด เพื่อเช้าวันรุ่งขึ้นประมาณ 05.00-05.30 น. จะได้ขึ้นรถอีแต๊กไปยังภูห้วยอีสัน ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร
8. นั่งรถไฟไปเดินเล่นสะพานไม้ สัมผัสวิถีชีวิตชาวมอญที่สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
“สะพานมอญ” สะพานไม้ยาวที่ทอดข้ามแม่น้ำซองกาเลีย ก่อนจะไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวมอญ ทั้งประเพณี อาหาร การแต่งกาย หรือบ้านเรือนที่ยังคงเอกลักษณ์เอาไว้ได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่), เจดีย์พุทธคยา, เมืองบาดาล, ถนนคนเดินสังขละบุรี และด่านเจดีย์สามองค์ เป็นต้นการเดินทาง : โดยสารรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก (ขึ้นที่สถานีธนบุรี) ลงที่สถานีรถไฟกาญจนบุรี แล้วไปต่อรถตู้ที่สถานีขนส่งกาญจนบุรี เพื่อไปยัง อ.สังขละบุรี ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร
CR: Kapook Travel
ทัวร์ในประเทศคลิ๊ก https://bit.ly/30SpcPN
Leave a Reply