6 สถานที่เที่ยวยอดฮิต ฮานอย ต้องไป
ฮานอยเคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของเวียตนามตั้งแต่ปี พ.ศ. 1553 มีอายุ 1,000 ปี ฮานอย แปลว่า เมืองบนฝั่งโค้งของแม่น้ำ นับเป็นเมืองหลวงที่มีขนาดเล็กที่มีความสวยงามมากตลอดสองฟากถนนเราสามารถเห็นตึกสไตล์โคโลเนียลอยู่เรียงรายสองข้างทาง ซึ่ง ฮานอย ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีความเก่าแก่ยาวนานเป็นหลายพันปี จึงอัดแน่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมทางด้านต่างๆ อีกมากมาย
วันนี้ JOURNEY TRIP จะพาไปดู 6 สถานที่เที่ยวยอดฮิต ฮานอย ต้องไป
1.ฮาลองเบย์
อ่าวฮาลองเบย์ถือได้ว่าเป็นพระเอกของงานนี้เลยก็ว่าได้ ภาพของเกาะหินปูนน้อยใหญ่ที่ผุดขึ้นมาจากน้ำสีเขียวมรกตมากถึง 1,969 เกาะ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร แถมบางเกาะยังมีถ้ำขนาดใหญ่ซุกซ่อนอยู่ เราจึงได้ทั้งนั่งเรือชมทัศนียภาพอันงดงามเหล่านี้ พร้อมกับสำรวจถ้ำเพื่อชมหินงอกหินย้อย พายเรือคายัค และปีนหน้าผา
สำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ก็ลองไปที่เที่ยวชื่อดังอย่าง ถ้ำเด่าโก๋ (ถ้ำใหญ่ที่สุดในอ่าว), เกาะกั๊ตบา (เกาะขนาดใหญ่สุดในอ่าวที่มีหาดทรายสวยและหมู่บ้านชาวประมง), และไนท์มาร์เก็ตฮาลองเบย์ (แหล่งรวมชอปปิง มีทั้งร้านอาหาร บาร์ชิคๆ ร้านขายของฝาก และตลาดโต้รุ่ง) ด้วยความสวยงามแปลกตาของสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์เหล่านี้ ทำให้อ่าวฮาลองเบย์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ.1994 นับว่าเป็นมรดกโลกแห่งแรกๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยนะเนี่ย
2.ตามก๊อก (เมืองนิงห์บิงห์)
หากเราลองนั่งรถออกมาจากตัวเมืองฮานอยประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็จะเจอกับเมืองนิงห์บิงห์ เมืองที่มีความพิเศษทางธรรมชาติ ภูมิทัศน์สวยงามแปลกตา มีสถานที่ขึ้นชื่ออย่าง ตามก๊อก (Tam Coc) หรือถ้าจะเรียกว่า ฮาลองบนบกของเวียดนาม ก็ดูจะไม่ผิดนัก เพราะที่นี่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนขนาดใหญ่กว่า 99 เขาตั้งรายล้อมเหล่าทุ่งนาสีเขียวขจีหรือเหลืองอร่ามตามแต่ละฤดูกาล มีแม่น้ำโงดงไหลผ่านคดเคี้ยวไปตามแนวของทุ่งนาจนลับตา
ดังนั้น การมาล่องเรือชมธรรมชาติที่ตามก๊อกจึงเหมือนการได้มาชาร์จพลังแบบเต็มเปี่ยม ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอด มองดูความเขียวขจีของนาข้าว ปล่อยใจชิลๆไปพร้อมกับสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ แค่คิดก็ฟินสุดๆแล้ว
3.สุสานโฮจิมินห์
ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ หรือที่รู้จักกันในนาม ลุงโฮ เป็นผู้นำที่ชาวเวียดนามให้ความเคารพรักมาก เมื่อปี ค.ศ. 1945 ลุงโฮได้อ่านคำประกาศอิสรภาพของเวียดนามจากฝรั่งเศสต่อหน้าชาวเมืองที่มาชุมนุมที่จตุรัสแห่งนี้กว่า 500,000 คน ต่อมาเมื่อท่านได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1969 ร่างของลุงโฮได้ถูกดองไว้และนำไปเก็บไว้ที่สุสานโฮจิมินห์แห่งนี้ ซึ่งขัดกับความประสงค์ของลุงโฮที่อยากจะให้เผาร่างแล้วนำเถ้าถ่านและอังคารไปบรรจุไว้ที่ภาคกลางใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือของประเทศ
การจะเข้าเยี่ยมชมสุสานโฮจิมินห์นั้นจะต้องมีความสำรวมมาก ทั้งห้ามทานอาหาร ห้ามเอามือล้วงกระเป๋า ห้ามส่งเสียงดัง และไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายในนั้นด้วย ถึงแม้คนจะเยอะหน่อย แต่ก็มีการจัดคิวให้ค่อยๆทยอยเข้าไปพร้อมระเบียบที่ว่าเมื่อเดินเข้าไปดูภายในสุสานแล้วห้ามหยุดเดินเป็นอันขาด คนที่มาเยือนต่างก็กวาดสายตามองไปที่ร่างของท่านโฮจิมินห์ที่นอนนิ่งอยู่ในโลงแก้ว ผู้นำอันเป็นที่รักของชาวเวียดนามทั้งประเทศ
4.วิหารวรรณกรรม
สิ่งที่ดึงดูดให้เราต้องเดินทางมาที่วิหารวรรณกรรม (Temple of Literature) หรือ วันเหมียว ในภาษาเวียดนาม คงเป็นเพราะบรรยากาศและสถาปัตยกรรมของที่แห่งนี้ แลดูร่มรื่น ชวนให้มาเดินเยี่ยมชมไม่เหมือนที่ไหนในฮานอยเลย เพียงแค่เราลอดซุ้มประตูด้านหน้าเข้ามา ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นสบายจากเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่และบ่อน้ำทั้ง 2 ข้างทาง ดูๆแล้วมีการวางแผนผังการก่อสร้างมาอย่างดีเลย เพราะคำนึงถึงหลักฮวงจุ้ยเดียวกับจีน ด้วยเพราะจีนก็เคยปกครองเวียดนามมาก่อน
วิหารวรรณกรรมเป็นวิหารเก่าแก่มาก มีประวัติยาวนานนับพันปี จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นวัดโบราณที่สุดในฮานอยเลยก็ว่าได้ เดิมทีเคยเป็นโรงเรียนสำหรับเหล่าขุนนาง ที่นี่จึงนับว่าเป็นมหาลัยแห่งแรกของเวียดนามเลย ปัจจุบันได้มีการปิดตัวโรงเรียนลงแล้ว แต่วิหารวรรณกรรมยังคงเป็นที่รวบรวมประวัติศาสตร์ทางการศึกษาที่สำคัญมากที่สุดของเวียดนาม
5.ทะเลสาบคืนดาบ
ท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองหลวงของเวียดนาม หากอยากจะหาสักที่ที่ทำให้เราหลุดออกมาจากแวดวงเสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ มันก็พอมีที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองอยู่บ้าง หนึ่งในนั้นคือทะเลสาบหว่านเกี๊ยม แปลได้ว่า ทะเลสาบคืนดาบ ซึ่งมีตำนานเกี่ยวกับดาบวิเศษจากสวรรค์และเต่ายักษ์ที่มารับดาบวิเศษแล้วดำลงน้ำหายไป ทะเลสาบน้ำจืดแห่งนี้มีสวนสาธารณะรอบๆ ผู้คนจึงนิยมมาเดินเล่น นั่งชิลๆ หลีกเลี่ยงจากความวุ่นวายได้ดี
หากเราเดินไปทางด้านเหนือของทะเลสาบหว่านเกี๊ยม ก็จะเจอกับเกาะเล็กๆ เป็นที่ตั้งของวัดหง็อกเซิน (Ngoc Son Temple) มีสะพานสีแดงเชื่อมระหว่างริมฝั่งกับเกาะหยก ชื่อว่า สะพานเทฮุก (The Huc Bridge) สะพานสีแดงนี่แหละเป็นจุดที่คนชอบมาถ่ายรูปกัน ถ้าเราจะมาถ่ายรูปบนสะพานอย่างเดียวนั้นไม่ต้องซื้อตั๋วก็ได้ ยกเว้นแต่จะข้ามไปเที่ยวชมวัดหง็อกเซิน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็นิยมเดินข้ามสะพานแล้วไปเที่ยวชมวัดในคราวเดียวกัน
6.ย่านถนน 36 สายเก่า
ก่อนกลับเราก็ต้องไม่พลาดตามหาของฝากติดไม้ติดมือกันคนละอย่างสองอย่าง มาถึงฮานอยทั้งที ก็คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก ย่านถนน 36 สายเก่า (36 Streets Old Quarter) หรืออาจเรียกว่า 36 เฝอเฟือง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย ซึ่งตามประวัติแล้ว ถนน 36 สาย มีที่มาจาก 36 อาชีพเก่าแก่ที่ทำมาค้าขายกันในย่านนี้ ในอดีตนั้นเคยเป็นย่านหัตถกรรมที่มีประวัติยาวนานกว่า 600 ปี
แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นย่านขายสินค้าพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุด ของที่วางขายก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ของที่ระลึก งานฝีมือ แถมยังมีร้านอาหารข้างถนนเยอะแยะเลย โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์ – อาทิตย์ ก็จะมีไนท์มาร์เก็ต ทำให้ย่านนี้คึกคักไปด้วยผู้คน ถนนแต่ละสายก็มีสินค้าคละกันไปซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ถนนแต่ละสายจะขายสินค้าเพียงอย่างเดียวตลอดทาง เช่น บางถนนที่ขายเสื้อผ้าก็จะขายเสื้อผ้าไปตลอดทั้งแนว เป็นต้น ดังนั้น ใครไม่อยากพลาดแหล่งชอปปิงสุดฮิตฮานอย ก็มุ่งหน้ามาย่านถนน 36 สายเก่าได้เลย
ข้อมูลจาก : https://blog.bangkokair.com
โปรแกรมทัวร์เวียดนาม คลิกที่นี่
————————————————————————————————————————————————————————-
สำหรับท่านใดที่สนใจ โปรแกรมทัวร์ ต้องการ จองตั๋วเครื่องบิน หรือ ที่พัก สามารถสอบถามทาง Journey Trip ของเราได้ เรามีโปรแกรมให้ท่านเลือกมากมาย รับรองว่าไม่ผิดหวัง อย่างแน่นอน ให้ Journney Trip ดูแลคุณสิคะ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
📞 HOTLINE : 064-794-2725 📞 บุ๊ค 064-993-8369 📞 นิว 094-665-5461
☎ Tel : 02-245-5690 ☎ Tel : 02-245-5691 ☎ Fax. : 02-245-5690
👨👩👧👧 ติดต่อกรุ๊ปเหมา : 📞 อีฟ 061-636-9983
Email : journeytrip18@gmail.com
Line : คลิกเลย –> https://line.me/R/ti/p/%40journeytrip18
Website : https://www.journeytrip18.com/
Leave a Reply