10 อันดับ เมืองที่ดีที่สุดในโลก ปี 2019
การจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกในปี 2019 นั้น ให้คะแนนจากหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้ง เรื่องความสุข ความเป็นมิตร ระบบขนส่งสาธารณะ สถานบันเทิง ชุมชนที่อยู่อาศัย ความสวยงามของเมือง วัฒนธรรม ค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมไปถึง อาหารการกินอีกด้วย โดยจัดอันดับโดย Time Out สื่อระดับ โลก ด้านไลฟ์สไตล์
โดยในครั้งนี้ทาง Journeytrip ขอนำเสนอ 10 อันดับ เมืองที่ดีที่สุดใน โลก ปี 2019 จะมีอะไรบ้างไปดูกัน…..
10.โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โตเกียว (Tokyo) อยู่ในภูมิภาคคันโต เมืองหลวงของญี่ปุ่น เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของโลก โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียวจำนวนมากมายที่ไม่ควรพลาด พื้นที่ในเมืองขนาดใหญ่รวมถึงกินซ่า เป็นย่านที่มีร้านค้าที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง ชินจูกุที่ไม่เคยหลับไหลได้กลายเป็น “เมืองใหม่ใจกลางโตเกียว” อาซากุสะสถานที่ที่ชวนให้ระลึกถึงเอโดะโบราณ (ชื่อเดิมของโตเกียว) และชิบูย่าย่านที่เริ่มต้นเทรนด์ให้กับคนหนุ่มสาว พื้นที่ที่มีเอกลักษณ์อื่นๆ ได้แก่ อากิฮะบาระเมืองคอมพิวเตอร์ เป็นพื้นที่ค้าปลีกที่หนาแน่นไปด้วยร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากมายที่แข่งขันกัน ดึงดูดผู้ซื้อจำนวนมากทั้งจากประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ และตลาดปลาที่จัดหาอาหารให้กับร้านค้าและผู้บริโภคทุกๆ แห่งในประเทศญี่ปุ่น
โปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่น คลิกที่นี่
9. ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ปารีส (Paris) เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และเป็นเมืองชั้นนำทางแฟชั่นที่น่าสนใจ และยังเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก กรุงปารีสมีพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงของโลกประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก และก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ออร์แซที่เน้นศิลปะในลัทธิประทับใจเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติฌอร์ฌ ปงปีดู ที่มุ่งเน้นศิลปะร่วมสมัย กรุงปารีสเป็นเจ้าของผลงานสถานที่สำคัญบางส่วนที่รู้จักมากที่สุดของโลก เช่น หอไอเฟล ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ที่มีผู้จ่ายเงินเพื่อเข้าชมมากที่สุดในโลก , ประตูชัยฝรั่งเศส, มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส, มหาวิหารซาเคร-เกอร์ ส่วนพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และ อุตสาหกรรมเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ก็ตั้งอยู่ในปาร์กเดอลาวีแล็ต กรุงปารีส ซึ่งนับเป็นหัวใจของศูนย์วัฒนธรรมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรม (CCSTI) โดยเป็นศูนย์ส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาการต่าง ๆ และบริเวณใกล้กับกรุงปารีสยังมีพระราชวังแวร์ซาย ซึ่งเป็นอดีตพระราชวังของพระมหากษัตริย์แห่งประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน
โปรแกรมทัวร์ฝรั่งเศส คลิกที่นี่
8.กลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์
กลาสโกว์ (Glasgow) นั้นเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสก๊อตเเลนด์ โดยเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำไคลด์ เเละอยู่ออกไปทางทิศตะวันตกของเมืองหลวงอย่างเอดินบะระ ในอดีตนั้นเมืองเเห่งนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว เเต่ในปัจจุบันนั้นเป็นเมืองที่มีสีสันอย่างมากเเละเป็นเเหล่งรวม วัฒนธรรมชองชาวสก๊อตที่น่าทึ่ง รวมทั้งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคนที่คลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอลเเละเป็นเมืองที่มีสีสันเเห่งลูกหนังสก๊อตอย่างมากเลยทีเดียว
โปรแกรมทัวร์สกอตแลนด์ คลิกที่นี่ (เร็วๆนี้)
7.เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เบอร์ลิน (Berlin) เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศเยอรมนี ที่นี่สะสมประวัติศาสตร์ของยุโรปเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง รวมถึงเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์น่าสนใจมากมาย ซึ่งกรุงเบอร์ลิน เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม การเมือง ศูนย์กลางแห่งการสื่อสาร รวมทั้งเมืองแห่งวิทยาการล้ำสมัยของโลก เศรษฐกิจของเมืองนี้อาจจะไม่ได้มาจากการท่องเที่ยว ทว่ามาจากอุตสาหกรรมไฮเทคต่างๆ รวมถึงองค์กรสื่อ อุตสาหกรรมครีเอทีฟ ธุรกิจประชุมสัมมนา นอกจากนี้ ยังเป็นจุดศูนย์กลางทางการคมนาคม โดยเฉพาะทางอากาศและทางรถไฟของภูมิภาค ที่นี่ยังเต็มไปด้วยมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นเมืองแห่งออร์เคสตรา และศิลปะบันเทิงต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านภาพยนตร์ นอกจากนี้ ยังกอปรด้วยพิพิธภัณฑ์มากมาย นับตั้งแต่เชิงประวัติศาสตร์ ไปจนกระทั่งทันสมัยไฮเทคกันเลยทีเดียว อย่าง “เกาะพิพิธภัณฑ์” (Museum Island) ทางตอนเหนือของแม่น้ำสพรี (Spree River) อันเป็นส่วนของย่านโคน (Colln) ที่เป็นเมืองเก่านั้น ก็ประกอบด้วยโบสถ์เก่าแก่พิพิธภัณฑ์ และหอศิลปะมากมายหลายหลาก โดยในปี 1999 ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลก
โปรแกรมทัวร์เยอรมัน คลิกที่นี่
6.มอนทรีออล ประเทศแคนาดา
มอลทรีออล (Montreal) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของแคนาดาได้ชื่อว่า เมืองวัฒนธรรมของแคนาดา การผลิตรายการโทรทัศน์ภาษาฝรั่งเศส รายการวิทยุ โรงละคร ภาพยนตร์ สื่อ และ สิ่งพิมพ์ต่างๆ
พบเห็นได้ทั่วไปที่นี่ แน่นอนว่า ความที่มอลทรีออลเป็นเมืองที่ใช้ภาษาฝรังเศสเป็นหลัก ทำให้เกิดวัฒนธรรมแบบผสมขึ้นที่นี่เมืองนี้ดำเนินไปท่ามกลางเสียงดนตรีแจ๊ส ศิลปะ โรงละคร การแสดงดนตรี และ เต้นรำ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน กลางเมืองจะมีการจัดขบวนพาเหรด และกิจกรรมรื่นเริง กิจกรรมหนึ่งที่จัดอย่างยิ่งใหญ่คืองาน Just for Laughs ที่รวมเอากิจกรรมสนุกๆไว้ด้วยกันนอกจากกิจกรรมรื่นเริงที่จัดขึ้นตลอดปีแล้ว ยังมีกิจกรรมทางศาสนาอีกมาก เมืองมอทรีออลมีโบสถ์เรียงรายอยู่ทั่ว จนได้ชื่อว่า เมืองร้อยหอระฆัง
สถาปัตยกรรมภายในเมืองใหญ่แห่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังเดินชมเมืองในยุโรปยังไงอย่างนั้น
ความเก่าแก่ของเมืองมอนทรีออลซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการเงินของแคนาดามาก่อน
ผสมผสานเข้ากับความร่วมสมัย ทำให้เมืองมอนทรีออลดูคลาสสิคและน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน
โปรแกรมทัวร์แคนาดา คลิกที่นี่ (เร็วๆนี้)
5.ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา
ลอส เองเจลลิส (Los Angeles) หรือ แอลเอ เป็นเมือง อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นศูนย์กลาง ทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและความบันเทิง ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีการปะปนของวัฒนธรรมมากที่สุด อากาศดีมากไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป แอลเอมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ไม่ควรพลาด เช่น หาดเวนิส , ย่านHollywood , ซานตา โมนิก้า , ย่านเบเวอรี่ ฮิลล์ส เป็นต้น
โปรแกรมทัวร์สหรัฐอเมริกา คลิกที่นี่ (เร็วๆนี้)
4.ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ลอนดอน (London) เป็นเมืองเก่าแก่ที่ผสมผสานกับความทันสมัยไว้ได้อย่างลงตัว เปรียบเหมือน แหล่งรวมประวัติศาสตร์ ศิลปะ แฟชั่น อาหาร ท่ามกลางสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ อย่างพระราชวังบักกิงแฮม พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Tate Modern หรือโรงอุปรากรรอยัลโอเปร่าเฮาส์ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกมาย เช่น London Eye, หอนาฬิกา Big Ben, Tower Bridge, มหาวิหารเซนต์พอล และย่านช้อปปิ้ง ตั้งแต่ของหรูหราในย่านเมย์แฟร์ สินค้าแปลกๆ ย่าน Covent Garden จนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ Westfield
โปรแกรมทัวร์อังกฤษ คลิกที่นี่
3.ชิคาโก สหรัฐอเมริกา
ชิคาโก (Chicago) ตั้งอยู่ในรัฐอิลลินอยส์ (Illinois) รู้จักกันในชื่อ “เมืองแห่งลม” เป็นศูนย์กลางความเจริญแห่งหนึ่งของโลก และในปัจจุบันนับเป็น 1 ใน 10 เมืองสำคัญของโลกทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย ทั้งนี้ชิคาโก้ถือได้ว่าเป็นเมืองที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา
โปรแกรมทัวร์สหรัฐอเมริกา คลิกที่นี่ (เร็วๆนี้)
2.เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
เมลเบิร์น (Melbourne) เป็นเมืองที่มีผู้คนมาจากทั่วโลกมาอาศัยอยู่ที่นี่ ทำให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่ยังสามารถอนุรักษ์ความเป็นวัฒนธรรมเมลเบิร์นแบบดั้งเดิมเอาไว้ ซึ่งที่นี่เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งมากมาย เริ่มตั้งแต่ร้านเล็กๆ ตามถนน หรือจะเป็นห้างใหญ่สุดหรู และสิ่งที่สำคัญคือผู้คนที่นี่มีความเป็นมิตรมากๆ ทั้งยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี และอัธยาศัยดีทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเมื่อไดพบก็รู้สึกดีกับผู้คนในเมืองนี้กันทุกคน
โปรแกรมทัวร์ออสเตเรีย คลิกที่นี่
1.นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
นครนิวยอร์ก (New York) เป็นศูนย์กลางในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน การเงิน ศิลปะบันเทิง และยังเป็นศูนย์กลางแฟชั่นและเครื่องประดับสำคัญแห่งหนึ่งของโลก มีเกาะแมนฮัตตันอยู่ใจกลางมหานคร เป็นที่ตั้งของหน่วยงานสำคัญมากมาย เช่น องค์การสหประชาชาติ ตลาดหุ้นวอลสตรีท
นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ได้แก่ เทพีสันติภาพ พิพิธภัณฑ์ Metropolitan Museum, Central Park และ Times Square ศูนย์รวมโรงละคอนบรอดเวย์ และบริเวณ Fifth Avenue ซึ่งเป็นย่านช็อปปิ้งเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยมีห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Saks Fifth, Macy’s และ Bloomingdale สำหรับ Century 21 จะเป็นห้างที่มีราคาย่อมเยาและเป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วไป
โปรแกรมทัวร์สหรัฐอเมริกา คลิกที่นี่ (เร็วๆนี้)
สำหรับท่านใดที่สนใจ โปรแกรมทัวร์ ต้องการ จองตั๋วเครื่องบิน หรือ ที่พัก สามารถสอบถามทาง Journey Trip ของเราได้ เรามีโปรแกรมให้ท่านเลือกมากมาย รับรองว่าไม่ผิดหวัง อย่างแน่นอน ให้ Journney Trip ดูแลคุณสิคะ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
? HOTLINE : 064-794-2725 ? บุ๊ค 064-993-8369 ? นิว 094-665-5461
☎ Tel : 02-245-5690 ☎ Tel : 02-245-5691 ☎ Fax. : 02-245-5690
???? ติดต่อกรุ๊ปเหมา : ? อีฟ 061-636-9983
Email : journeytrip18@gmail.com
Line : คลิกเลย –> https://line.me/R/ti/p/%40journeytrip18
Website : https://www.journeytrip18.com/
Leave a Reply