เช็คลิสต์ 10 จุดกอดทะเลหมอก ทั่วไทย
BY JOURNEYTRIP
ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลท่องเที่ยวที่หลายๆ คนชื่นชอบ จากการที่ฝนตกน้อยลง อากาศที่เริ่มเย็นสบายมากขึ้น แต่ก็ยังเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำน่ามอง และในช่วงนี้เอง ก็ถือว่าเป็นฤดูกาลแห่งการล่าหมอก ที่นักท่องเที่ยวต่างรอคอยที่จะเดินทางไปชมทะเลหมอกสุดสวยตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
1.ภูชี้ดาว จ.เชียงราย
การขึ้นไปชมวิวบนภูชี้ดาว นักท่องเที่ยวจะต้องมาขึ้นรถที่บริเวณจุดจอดรถบ้านร่มโพธิ์เงิน โดยต้องนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อของชาวบ้านพาขึ้นไปยังภูชี้ดาว รถจะพาไต่ไปบนเขาสูงชันใช้เวลาราว 20 นาที จากนั้นเราจะต้องเดินจากจุดจอดรถขึ้นไปยังจุดชมวิวภูชี้ดาวอีก ราว 350 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 15-20 นาที ก็จะพบกับความงดงามบนภูชี้ดาว
ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ ที่นี่จะเป็นจุดชมทะเลหมอกและจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามยิ่งนัก มองเห็นเป็นทะเลหมอกหนาเป็นปุย มียอดเขาที่โผล่พ้นหมอกขึ้นมาให้เห็นอย่างมีเสน่ห์ และหากมองไปทางขวามือก็จะได้เห็นยอดภูชี้ฟ้าได้ชัดเจนอีกด้วย
2. กิ่วแม่ปาน จ.เชียงใหม่
“กิ่วแม่ปาน” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและ ทะเลหมอกที่สวยงามอีกจุดหนึ่งระหว่างทางจะได้สัมผัสธรรมชาติ มีต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิดให้ชมอย่างเพลิดเพลิน บริเวณจุดชมวิวเป็นพื้นที่โล่ง มีระเบียงยื่นออก บางวันจะมองเห็นทะเลหมอกที่มีเมฆปกคลุมอยู่ตรงหน้าตัดกับสีทองของทุ่งหญ้า ได้ที่บริเวณนี้ และวันที่ฟ้าเปิดจะมองเห็น อ.แม่แจ่ม ที่อยู่เบื้องหน้าได้ชัดเจน
3.ยอดเขาโมโกจู จ.กำแพงเพชร
“ยอดเขาโมโกจู” ยอดเขาที่สูงที่สุดของผืนป่าตะวันตก และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ในวันที่อากาศเป็นใจ ทิวทัศน์ทะเลหมอกบนยอดโมโกจูก็สวยงามยิ่งนัก เบื้องล่างใต้เท้าของเราถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกหนาเป็นปุย มองเห็นทะเลหมอกสีขาวสุดลูกหูลูกตาไปจนจรดขอบฟ้ากว้างไกล ส่วนเบื้องบนดวงอาทิตย์ยังคงสาดแสงส่องผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเป็นภาพประทับใจยิ่งนัก
4.ภูค้อ จ.เลย
“ภูค้อ” หรือ “ภูเป้ง” เป็นส่วนหนึ่งของป่าชุมชนบ้านบุ่ง มีจุดชมวิวหลักอยู่ 3 จุดด้วยกัน บนจุดที่ 3 ภูค้อ เมื่อมองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์อันกว้างไกลของ อ.นาแห้ว และ เมืองแก่นท้าว แขวงไชยะบุลี แห่ง สปป.ลาว โดยมีแม่น้ำเหืองไหลผ่านเป็นพรมแดนระหง่างไทย-ลาว นอกจากนี้บนจุดที่ 3 ภูค้อ ยังมีการทำระเบียงชมวิวให้นักท่องเที่ยวเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก ที่จะค่อย ๆ ก่อตัวลอยไหลตามร่องเขามารวมกันเป็นทะเลหมอกอันหนาตา
5.ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ
“ผามออีแดง” เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม และยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีภาพหินแกะสลักอายุนับพันปีซ่อนอยู่ ผามออีแดง มีลักษณะเป็นหน้าผาหินสีแดงที่มีแนวผาหักชันลงสู่เบื้องล่าง กั้นเขตแดนประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ตลอดแนวผามออีแดง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินราบที่ลาดชันไม่มากนัก และยังเป็นจุดชมทิวทัศน์อันกว้างไกลสุดสายตา สามารถมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารที่ห่างออกไปประมาณ 1 กม. ได้และเบื้องล่างยังมองเห็นทิวเขาและผืนป่าที่กว้างไกลในเขตประเทศกัมพูชาที่อยู่ต่ำลงไปหรือที่เรียกว่าเขมรต่ำ
6.ผาชมตะวัน จ.ขอนแก่น
จุดชมวิวผาชมตะวันนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติภูเวียง บริเวณจุดชมวิวมีลักษณะเป็นลานหินที่เกิดจากการยกตัวของแผ่นเปลือกโลกและรอยเลื่อนทำให้เกิดเป็นหน้าผาซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพสวยงามด้านล่าง และสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ได้ด้วย นับว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าที่สวยงามอีกจุดหนึ่งของจังหวัดขอนแก่น
7. ภูทอก จ.เลย
“ภูทอก” แห่งเชียงคานนั้นเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่มีชื่อเสียง บนยอดภูจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเชียงคานที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก และลำน้ำโขงที่ไหลผ่านแนบชิดเมืองเชียงคานแห่งนี้
8. แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ในภาคกลางก็มีทะเลหมอกให้เราได้ชมแบบใกล้กรุง ที่ “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” โดยจะมีจุดชมทะเลหมอกบริเวณ 2 จุดด้วยกันคือ “จุดชมวิวพะเนินทุ่ง” หรือ “จุดชมวิวบริเวณ ก.ม.30” ในยามเช้าที่นี่จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกสีขาวปกคลุมทั่วทั้งหุบเขา และเมื่อทะเลหมอกสลายตัวไป จะเห็นผืนป่าสลับซับซ้อนอยู่เบื้องล่าง สูดอากาศบริสุทธ์ได้อย่างสดชื่น และจุดที่สองนั่นคือ “จุดชมวิวบริเวณ ก.ม. 36” ที่นี่แค่ยืนดูก็สามารถสัมผัสได้ถึงทะเลหมอกที่ลอยมาปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำได้อย่างใกล้ชิด
9. ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จ.ยะลา
“จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” ขึ้นชื่อในเรื่องของการชมพระอาทิตย์ขึ้นรับแสงแรกของวัน ควบคู่ไปกับการชมทะเลหมอกอันงดงาม ซึ่งสามารถเห็นทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี ในมุมมอง 360 องศา นอกจากนี้ก็ยังมีวิวทิวทัศน์ของผืนป่าฮาลา-บาลา ทะเลสาบเขื่อนบางลาง รวมถึงสามารถมองไปไกลได้ถึงประเทศมาเลเซียเลยทีเดียว และไฮไลต์สำคัญก็คือ “สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” มีพื้นกระจกใสอยู่บริเวณช่วงปลายให้ได้ชมผืนป่าด้านล่าง และนับว่าเป็นสกายวอล์คที่มีความยาวที่สุดในอาเซียน สามารถเดินออกไปชมทะเลหมอกได้กว้างไกลและใกล้ชิด
10. เขาไข่นุ้ย จ.พังงา
“เขาไข่นุ้ย” มีจุดเด่นอยู่ที่ 5 มหัศจรรย์ คือ 1.พระอาทิตย์ขึ้น 2.พระอาทิตย์ตก 3.ทะเลหมอก 4.ทะเลอันดามัน และ 5.ทิวเขา บนยอดเขาไข่นุ้ยมีจุดชมวิวทะเลหมอกอยู่ 2 จุดด้วยกัน โดยบริเวณที่เห็นทะเลหมอกในเบื้องหน้านั้นเป็นช่องเขาขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยภูเขาลูกใหญ่หลายลูก จึงถือเป็นจุดรวมของหมอกชั้นดี โดยทะเลหมอกบนเขาไข่นุ้ยจะเปลี่ยนรูปทรงอยู่เรื่อยๆ ไปตามกระแสลม ส่วนโอกาสในการพบทะเลหมอกในทุกๆ เช้านั้นมีมากถึง 80% และสามารถชมทะเลหมอกได้ทุกฤดูอีกด้วย
สำหรับฤดูกาลล่าหมอกในปีนี้ อาจจะติดขัดในเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศอยู่บ้าง ในหลายๆ จุดเริ่มเปิดให้เข้าไปท่องเที่ยวกันได้แล้ว แต่อย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของสถานที่นั่นๆ ด้วย เพื่อการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย เที่ยวกันได้อย่างมีความสุข
ขอบคุณข้อมูล : https://bit.ly/3CFru4M
เครดิตรูปภาพ
เขาไข่นุ้ย : https://www.phangngapao.go.th/travel/detail/104
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จ.ยะลา :
FB Skywalk Aiyerweng ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เบตง ยะลา
ทัวร์ในประเทศ https://bit.ly/30SpcPN
0
Leave a Reply