ปักหมุด 11 ถ้ำสวยในเมืองไทย ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต
1. ถ้ำสีฟ้า จ.ตาก
ถ้ำแห่งนี้มีความโดดเด่นสวยงามอยู่ที่สีหินภายในถ้ำเป็นสีฟ้าสมกับชื่อของถ้ำ ลวดลายของหินมีสีขาวสลับเป็นแนวลายเส้นพลิ้วไหว โถงทางเดินที่ถูกกัดเซาะสวยงามราวกับตั้งใจจนกลายเป็นอุโมงค์ลักษณะคล้ายงวงช้างขนาดใหญ่ เส้นทางเดินง่าย ปลอดภัย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ข้อแนะนำคือควรพกไฟฉายมาด้วย เพื่อชมความงามของหินได้อย่างชัดเจน เนื่องจากภายในถ้ำมืดจะมีการติดไฟให้บางแห่งเท่านั้น
2.ถ้ำพระยานคร จ.ประจวบคีรีขันธ์
เป็นถ้ำที่สวยงามตระกาลตามาก ไฮไลท์ที่นี่คือพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ พลับพลาที่ประทับของรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ภายใน เมื่อแสงของพระอาทิตย์ส่องลงมาตกกระทบ บอกเลยว่ามหัศจรรย์ และน่าประทับใจมาก ยกให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
3. ถ้ำเขาวังทอง จ.นครศรีธรรมราช
เป็นถ้ำที่มีความงดงามทางธรรมชาติแห่งหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช ภายในถ้ำเขาวังทองมีลักษณะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้างหลายห้อง แต่ละห้องมีหินงอกหินย้อยที่มีลักษณะรูปร่างต่างกันไป ชมประติมากรรมธรรมชาติจากภายในถ้ำอันเกิดจากหินงอกหินย้อย เสาหิน หลากหลายรูปทรง บ้างก็คล้ายเจดีย์ บ้างก็ดูเหมือนน้ำตก บ้างก็มีลักษณะเป็นเกล็ดเหมือนหนังปลา น้อยหน่า ไปจนถึงอ่างน้ำตามแต่จินตนาการจะไปถึง ถ้ำเขาวังทองแห่งนี้เป็นถ้ำหินปูนผสมแร่เหล็ก ภายในถ้ำมีลักษณะเป็นห้องโถงที่มีขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง และที่สำคัญเมื่อหินงอกหินย้อยภายในถ้ำต้องแสงไฟจะแลดูเป็นประกายระยิบระยับราวธรรมชาติบรรจงสร้าง ซึ่งการชมถ้ำนี้บางช่วงอาจต้องปีนป่าย หรือบางช่วงอาจต้องก้มต่ำจนเกือบคลาน และบางช่วงอาจลื่นชัน จึงควรสวมใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะสม***ปิดการท่องเที่ยวและพักแรมในอุทยานแห่งชาติ วันที่ 1พฤษภาคม ถึง 15 ธันวาคม
4. ถ้ำละว้า จ.กาญจนบุรี
เป็นถ้าที่สวยงามมาก สามารถเดินทางมาถึงโดยทางเรือ ภายในถ้ำกว้างขวางใหญ่โตมาก แบ่งเป็นห้องต่าง ๆ แต่ละห้องมีความงดงามของหินย้อยแตกต่างกันออกไป ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติโดยเฉพาะในภูมิประเทศที่มีเทือกเขาหินปูนเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ ได้สร้างสรรค์ เถื่อนถ้ำอันน่าพิศวงมากมาย รวมถึงถ้ำละว้าแห่งนี้ที่เกิดจากปฏิกิริยาของน้ำฝนซึ่งมีคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นส่วนประกอบเมื่อตกกระทบถึงผืนดินก็จะกลายเป็นกรดคาร์บอนิกโดยน้ำที่ซึมลงไปสู่ใต้ผิวดินนั้นได้กัดเซาะ หินปูนจนกลายเป็นโพรงเชื่อมต่อกัน ครั้นน้ำใต้ดินลดระดับลง จึงก่อเกิดถ้ำแห่งนี้ขึ้น และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของกาญจนบุรีในปัจจุบัน ภายในถ้ำละว้าแบ่งออกเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ถึง5 ห้อง แต่ละห้องมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามลักษณะที่โดดเด่นของห้องนั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่คิดว่าการเที่ยวถ้ำ คือความยากลำบากที่ไม่น่าพิสมัย ถ้ำละว้าจะทำให้ภาพนั้นมลายหายไปทันที เพราะที่นี่เป็นถ้ำที่ได้รับการพัฒนา เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการติดตั้งไฟส่องสว่างภายในถ้ำ การสร้างทางเดินเท้า ที่ทำให้การชมหินงอกหินย้อยกลายเป็นเรื่องง่ายดาย พร้อมกับมีป้ายบอกทางและจุดต่าง ๆ ภายในถ้ำไว้อย่างชัดเจน
5. ถ้ำธารลอด จ.กาญจนบุรี
เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติเลยทีเดียว เพราะเกิดจากการยุบตัวของหินปูนและการกัดเซาะของน้ำ ทำให้เขาหินปูนกลายสภาพเป็นสะพานธรรมชาติขนาดใหญ่ ภายในถ้ำจะมีหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ แปลกตา เวลาโดนแสงไฟกระทบ จะส่องเป็นประกายระยิบระยับสวยงามมาก ๆ ส่วนลำธารน้ำที่ไหลใต้ถ้ำ ก็จะทำให้บรรยากาศภายในถ้ำเย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าว บอกเลยว่าคนรักธรรมชาติไม่ควรพลาดสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติแบบนี้จริง ๆ
6. ถ้ำเขาบิน จ.ราชบุรี
เป็นถ้ำธรรมชาติที่มีความสวยงามมาก ภายในถ้ำจะเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย ให้ได้ชมความสวยงามของธรรมชาติกันอย่างเต็มที่ ด้วยพื้นที่ภายในถ้ำกว่า 5 ไร่เลยทีเดียว และที่นี่ก็ได้เพิ่มความสดใสให้กับถ้ำไปอีก ด้วยการประดับไฟสีสันต่าง ๆ เข้าไป ทำให้เห็นความสวยงามของหินงอกหินย้อยอย่างชัดเจนกว่าเดิม ใครที่ได้มาเที่ยวจังหวัดราชบุรี บอกเลยว่าห้ามพลาดที่จะไปเช็คอินถ้ำเขาบิน รับรองว่าสวยงามไม่มีผิดหวังแน่นอน
7. ถ้ำเขาหลวง เพชรบุรี
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเก่าแก่ของจังหวัดเลยก็ว่าได้ค่ะ ภายในถ้ำจะประดิษฐานพระพุทธรูปที่เรียงรายกันอย่างงดงามมากจริง ๆ สำหรับไฮไลท์ของที่นี่ก็คือแสงของพระอาทิตย์ที่ส่องลอดผ่านเข้ามาตกกระทบกับแนวหิน ทำให้เกิดภาพความสวยงามมาก นอกจากที่นี่จะมีความงดงามแล้ว ยังเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดเพชรบุรี
8. ถ้ำน้ำลอด จ.แม่ฮ่องสอน
เป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญของจังหวัด ที่ถ้ำนี้จะมีลำห้วยชื่อ น้ำลางไหล ที่จะลอดผ่านภูเขาเข้าไปและทะลุไหลออกอีกด้านหนึ่ง ทำให้ที่นี่เกิดเป็นถ้ำ มีหินงอก หินย้อยสวยงามมากเลยทีเดียว ซึ่งจัดว่าที่นี่เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียง และเข้าชมได้ง่าย จากบรรดาถ้ำทั้งหมด
9.ถ้ำผานางคอย จ.แพร่
เป็นถ้ำที่มีลักษณะเป็นหน้าผาสูง ภายในถ้ำจะมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และมีไฮไลท์สำคัญคือ ก้อนหินรูปร่างคล้ายหญิงสาวนั่งอุ้มลูกน้อยรอคอยคนรักอยู่ ซึ่งชาวบ้านต่างเรียกหินก้อนนี้ว่า หินนางคอย ลักษณะของถ้ำผานางคอย จะเป็นภูเขาหินปูน อยู่กลางป่า ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ ภายในถ้ำจะแบ่งออกเป็นถึง 13 จุดให้ได้เที่ยวกัน โดยแต่ละจุดตั้งชื่อแตกต่างกันไป เช่น คูหาสวรรค์วิเศษ เทพอารักษ์นครา นาคาสถิต เป็นต้น บอกเลยว่าสวยงามตระกาลตามากจริง ๆ รับรองว่าถ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วต้องประทับใจแน่นอน
10. ถ้ำเลเขากอบ จ.ตรัง
ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีเสน่ห์มาก ๆ บอกเลยว่าใครเป็นสายลุยต้องชอบที่นี่ การจะเข้าไปเที่ยวในถ้ำนั้นต้องแอดเวนเจอร์กันเบาๆ เพราะระยะการเที่ยวชมช่วงถ้ำสุดท้ายจะไม่สามารถเดินชมได้ ทำให้ต้องล่องเรือชมถ้ำโดยการนอนราบไปกับเรือเป็นระยะทางประมาณ 800 เมตรเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นการสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนจริง ๆ ภายในถ้ำก็จะมีหินงอกหินย้อย เรียงรายอย่างสวยงามกันอยู่ บอกเลยว่าต้องไปเช็คอินให้ได้สักครั้งในชีวิต
11. ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย
เป็นถ้ำที่นักธรณีวิทยาได้จัดลำดับให้เป็นถ้ำที่ยาวเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ มีน้ำซับตลอดทั้งปี และจะมีน้ำไหลในช่วงฤดูฝน มีหินงอกหินย้อยสวยงาม และมีค้างคาวอาศัยอยู่ด้วย เมื่อเข้าไปภายในถ้ำจะเจอเกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอก หินย้อย ธารน้ำและถ้ำลอด ถ้ำหลวงจึงเป็นหนึ่งในถ้ำที่ยังคงมีการสำรวจจากนักท่องเที่ยวอยู่ตลอด เพราะยังไม่มีใครสามารถเข้าไปในจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำได้ เนื่องจากมีอุปสรรคมากมาย และห้ามเข้าโดยเด็ดขาดเมื่อถึงฤดูฝน เพราะจะมีน้ำท่วมสูง แนะนำให้เข้าไปเที่ยวในช่วงฤดูร้อน และฤดูหนาว
CR: True ID Travel, Tour Thailand, naewna.com, sapparot, KAPOOK, Museum Thailand,
ทัวร์ในประเทศคลิ๊ก https://bit.ly/30SpcPN
Leave a Reply