
ทีเด็ดกระบี่ที่ไม่ได้มีแค่ทะเล รับรองว่าถูกใจสายเที่ยว
1.สระมรกต
สระน้ำสีเขียวมรกตที่ถูกรังสรรค์จากธรรมชาติ เป็นบ่อหินปูนที่มีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในป่าที่ราบต่ำ อุณหภูมิราว 30 – 50 องศาเซลเซียส และมีความลึกถึงประมาณ 1.5 เมตรเลยทีเดียว สระแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางผืนป่าทุ่งเตียว บรรยากาศมีความร่มรื่น เหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ มีศาลาให้นั่งพักผ่อนถ่ายภาพความสวยงามของสระมรกต สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่เราแนะนำให้มาเที่ยวช่วงเช้าหรือเย็นในเดือน ธันวาคม – มีนาคม จะเป็นช่วงที่สระมรกตมีความสวยงามมากที่สุด เพราะอากาศดี ไม่มีฝน น้ำจะเป็นสีเขียวสดใสราวกับมรกตจริง ๆ ถัดไปจากสระมรกตประมาณ 500 เมตร เราจะได้พบกับ “บ่อน้ำผุด” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสระมรกตนี่เอง มีลักษณะเป็นตาน้ำเล็ก ๆ สีฟ้าอมน้ำเงิน ในน้ำมีแร่ธาตุทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมาก เกิดน้ำผุดขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ที่ตรงนี้มีน้ำตลอดปีและไหลออกเป็นลำธารสู่แหล่งน้ำต่าง ๆ บริเวณรอบ ๆ สระมรกตยังรายล้อมไปด้วยพรรณไม้ชนิดต่าง ๆ และมีเส้นทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ให้เราได้ไปศึกษาเยี่ยมชม รวมถึงเป็นแหล่งชมนกหายากอย่างนกแต้วแร้วท้องดำหรือนกกระเต็นอีกด้วยนะ
2. เขาหงอนนาค
เขาหงอนนาค ถูกกำกับดูแลภายใต้หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พพ.4 (ทับแขก) อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในด้านการให้ข้อมูลต่าง ๆ โดยที่นี่สามารถเริ่มเดินขึ้นได้ตั้งแต่ประมาณ 06:00 น. – 15:00 น.
เส้นทางการเดินขึ้นเขาจากด้านล่างจนถึงจุดชมวิว มีระยะทางประมาณ 3.7 กิโลเมตร ตลอดทางจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ มีป้ายฐานให้ความรู้เกี่ยวกับพืชพรรณไม้ต่าง ๆ รวม 13 สถานี ทางเดินเป็นพื้นราบสลับด้วยความชันบ้างเป็นบางจุด แต่ทางอุทยานฯมีการสร้างบันไดไม้ไว้ให้เป็นระยะ ๆ รวมถึงจุดนั่งพัก โดยรวมแล้วจะใช้เวลาในการขึ้น-ลงประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน เราแนะนำให้ใส่ชุดที่ทะมัดทะแมงพร้อมสำหรับการเดินเขา รวมถึงเตรียมน้ำ ขนมหรือของว่างติดกระเป๋าไปด้วยจ้า และเมื่อขึ้นมาถึงจุดชมวิวบนยอดเขาที่มีความสูงกว่า 500 เมตรจากระดับน้ำทะเล เราจะได้เห็นทั้งทิวทัศน์ของภูเขาสีเขียวครึ้มตัดกับทะเลอันดามันสีฟ้าครามแบบ 360 องศา เรียกได้ว่าสวยแบบไม่มีอะไรมากั้นเลยล่ะ
3. ถ้ำพระนางใน หรือ ถ้ำเพชร
“ถ้ำพระนางใน” ชื่ออาจจะคล้ายกับ “ถ้ำพระนาง” ที่หลายคนรู้จัก แต่จริง ๆ แล้วคือคนละสถานที่กันนะจ๊ะ สำหรับถ้ำพระนางใน มีอีกชื่อเรียกว่า ถ้ำเพชร ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บริเวณตอนเหนือของหาดไร่เลย์ ตัวถ้ำมีขนาดใหญ่ พื้นที่กว้าง สามารถเดินชมได้อย่างสะดวกสบายเพราะพื้นถ้ำค่อนข้างเรียบ ทางอุทยานฯได้สร้างทางเดินสะพานไม้ไว้ให้ และมีการติดดวงไฟส่องสว่างไว้ช่วยส่องนำทางเป็นระยะ ๆ แต่ทั้งนี้เราแนะนำให้หยิบไฟฉายติดตัวไปด้วยจ้า
ทัศนียภาพภายในถ้ำเราบอกได้เลยว่าหากได้ไปจะต้องตื่นตาตื่นใจกันสุด ๆ เพราะภายในถ้ำอันกว้างขวางนี้จะเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตาขึ้นสลับซับซ้อนกันเป็นชั้น ๆ อย่างสวยงามตระการตา มีหินงอกเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “ฟองหิน” หน้าตาคล้ายกับปะการัง และหินปูนที่ก่อตัวเหมือนแอ่งน้ำรองรับการไหลลงของน้ำจากชั้นหิน อีกทั้งไฮไลท์สำคัญอย่างแร่ที่ผสมอยู่ในหินปูนตามผนังถ้ำที่จะส่องประกายแวววาวเมื่อถูกกระทบกับแสงไฟเหมือนกับ “เพชร” จึงเป็นที่มาของชื่อ “ถ้ำเพชร” นั่นเอง นอกจากนี้อากาศภายในถ้ำยังมีความเย็นสบาย บรรยากาศลึกลับชวนค้นหา เดินได้เพลิดเพลินจนลืมเวลาไปเลย
4. ป่าพรุท่าปอมคลองสองน้ำ
สถานที่ท่องเที่ยวที่เผยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ ททท. ยกให้เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์เลยทีเดียว ท่าปอมคลองสองน้ำ เป็นคลองที่มีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร แต่มีความพิเศษของระบบนิเวศทำให้มีสีของน้ำที่แตกต่างจากคลองทั่วไปอย่างที่เราเคยพบเห็น ซึ่งเกิดจากการที่คลองแห่งนี้อยู่ในบริเวณรอยต่อของน้ำจืดและน้ำเค็มพอดี ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างน้ำขึ้นน้ำลงไหลมาบรรจบกัน จึงเป็นที่มาของชื่อ “คลองสองน้ำ”
คลองสองน้ำ มีต้นน้ำเป็นน้ำผุดจากเขาช่องพระแก้ว โดยต้นน้ำนี้จะไหลมาตามสายคลองออกสู่ปลายทางคือทะเลอันดามัน ซึ่งเวลาน้ำทะเลหนุนขึ้นมา น้ำทะเลก็จะไหลเข้ามาในคลองพร้อมกับฝูงปลาทะเลที่เข้ามาหาอาหาร ทำให้คลองกลายเป็นน้ำเค็มออกเป็นสีฟ้าค่อนข้างขุ่น แต่เมื่อน้ำทะเลลงแล้ว น้ำจืดจากต้นน้ำก็จะเข้ามาแทนที่ สีของน้ำในคลองจะออกเขียวมรกตและมีความใสราวกับกระจกเลยล่ะ เพราะในน้ำมีสารแคลเซียมคาร์บอเนตและกำมะถันปนอยู่มากนั่นเอง
5. หนองทะเล
สำหรับใครที่รักการถ่ายภาพ เราอยากให้มาเยือนที่นี่กันสักครั้ง เพราะ “หนองทะเล” มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะและสวยงามมากชนิดที่ว่าหากได้มาแล้วจะต้องถ่ายรูปจนเมมโมรี่เต็มแน่ ๆ
หนองทะเล เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่กว่า 100 ไร่ มีภูเขาหินปูนสูงใหญ่ล้อมรอบ น้ำจะมีความนิ่งและใสจนสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของเทือกเขาได้เลย ยิ่งถ้าหากมาเที่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน บริเวณนี้จะมีดอกจิกสีแดงร่วงหล่นอยู่ทั่วบริเวณโขดหินอีกด้วย
ช่วงเวลาที่คนนิยมมาถ่ายภาพส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเช้าขณะพระอาทิตย์กำลังขึ้น เพราะเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนตัวขึ้นจากด้านหลังแนวเทือกเขา แสงอาทิตย์ยามเช้าจะสาดส่องผ่านเมฆหมอก ตกกระทบกับผืนน้ำ เกิดเป็นภาพธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่น ๆ และในบางครั้งเราอาจได้เห็นฝูงน้องเป็ดมาแหวกว่ายกันด้วยจ้า
6. น้ำตกคลองท่อม
มีชื่อเต็มว่า “น้ำตกร้อนคลองท่อม” หรือ “น้ำตกร้อนสะพานยูง” เป็นน้ำตกเล็ก ๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สปาธรรมชาติ” เลยนะ เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นแค่น้ำตกธรรมดา แต่เป็นน้ำตกที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติ มีธารน้ำพุร้อนผุดขึ้นมาจากผิวดิน โดยรอบจะประกอบไปด้วยบ่อเล็ก ๆ หลายบ่อและมีแอ่งน้ำอุ่นอยู่ด้านล่าง ในน้ำอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ในอุณหภูมิประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ซึ่งว่ากันว่าไอความร้อนใต้ผิวดินนั้นจะช่วยบำบัดรักษาสุขภาพ ช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิต หากได้ลงไปแช่น้ำแล้วจะให้ความรู้สึกผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดเมื่อยร่างกายได้ สายรักสุขภาพถูกใจสิ่งนี้แน่นอนจ้า
7. วัดบางโทง
มีอีกชื่อว่า “วัดมหาธาตุวชิรมงคล” เป็นวัดที่มีจุดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะพระมหาธาตุเจดีย์สีเหลืองทององค์ใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่าใจกลางวัด การจัดตกแต่งได้รับอิทธิพลมาจากมหาเจดีย์พุทธคยาที่ประเทศอินเดีย มีความสูงประมาณ 95 เมตร ถือเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในภาคใต้เลยก็ว่าได้ ด้านในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตกแต่งด้วยลวดลายกนกอย่างวิจิตรงดงาม
บริเวณรอบ ๆ ของพระมหาเจดีย์เป็นทางเดินล้อมรอบองค์เจดีย์ 4 ด้าน เรียกว่า “ระเบียงราย” ตลอดแนวทางเดินจะมีพระพุทธรูปต่าง ๆ ประดิษฐานอยู่เป็นจำนวนมากให้เราได้เข้าไปกราบไหว้บูชา และด้วยพื้นที่วัดกว่า 100 ไร่ ภายในวัดยังมีลานหินให้เราได้ไปพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์อีกด้วยจ้า
8.วัดถ้ำเสือ
วัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังประจำจังหวัดกระบี่ ทั้งในชื่อเสียงของ “หลวงพ่อจำเนียร” เจ้าอาวาสผู้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของวัดแห่งนี้ และความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวัด ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินิยมมาเยี่ยมชมสักการบูชากันอย่างไม่ขาดสาย ส่วนสาเหตุที่วัดนี้มีชื่อว่า “วัดถ้ำเสือ” ก็เพราะว่าในอดีตที่นี่มีเสือโคร่งอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และภายในถ้ำยังมีหินธรรมชาติที่ปรากฏเป็นรูปเหมือนกับอุ้งเท้าเสืออีกด้วย
ที่ตั้งของวัดอยู่ในจุดที่มีภูเขาโอบล้อม พื้นที่ภายในวัดจึงมีลักษณะเหมือนสวนป่า ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีเพิงผาแหล่งถ้ำธรรมชาติต่าง ๆ และที่นี่ยังมี “พระธาตุเจดีย์ยอดเขาแก้ว” พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 600 เมตร เราสามารถขึ้นไปกราบไหว้ได้โดยการเดินขึ้นบันได 1,237 ขั้น เมื่อขึ้นมาด้านบนนอกจากจะได้อิ่มบุญแล้วเรายังได้เห็นวิวสวย ๆ ของจังหวัดกระบี่จากบนยอดเขาด้วยนะ
CR: Travel MThai, Wongwai.com, Tourism Thailand, sites.g, phukhaopost,
ทัวร์ในประเทศคลิ๊ก https://bit.ly/30SpcPN
0
Leave a Reply