ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์ |
วันที่ 1 | • ดอนเมือง กรุงเทพฯ • ชัยปุระ อินเดีย | |
วันที่ 2 | • พระราชวังสายลม • นั่งรถจี๊ปขึ้นแอมเบอร์ ฟอร์ท • พระราชวังกลางน้ำ • CITY PALACE | |
วันที่ 3 | • ทัชมาฮาล • อัครา ฟอร์ท • แซนต์ เบารี • วัดพระพิฆเนศ • สนามบินชัยปุระ | |
วันที่ 4 | • สนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ |
HIGHLIGHT ชมทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก • อัคราฟอร์ก • แชนด์ เบารี • วัดพระพิฆเนศ • พระราชวังสายลม • พระราชวังกลางน้ำ • พระราชวังหลวง |
อัคราฟอร์ท (AGRA FORT) หรือ ป้อมอัครา
พระราชวังที่ยิ่งใหญ่สร้างขึ้นโดยใช้เวลาที่ยาวนานถึงสามยุคของกษัตริย์แห่งราชวงศ์โมกุล ซึ่งเป็นอนุสรณ์สำคัญของประเทศอินเดีย และที่นี่ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) อีกด้วย
สำคัญภายในอัคราฟอร์ท (AGRA FORT) ก็คือ
ส่วนสิ่งก่อสร้างที่สำคัญภายนอก ก็คือ
เป็นบ่อน้ำขั้นบันไดในหมู่บ้านอภาเนรี รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย เบารี (บาวรี) แปลว่าบ่อน้ำขั้นบันได ส่วนชื่อ แชนด์ (จันท) นั้นเชื่อกันว่าเป็นชื่อของเจ้าเมืองท้องถิ่น ราชาจันท์ อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏหลักฐานว่าด้วยการก่อสร้างจันทบาวรีรวมถึงหรศัทมาตามนเทียร ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์โดยเปรียบเทียบจากสถาปัตยกรรมรูปแบบคล้ายกันที่พบที่ปรนคร (Paranagar) กับ มันดอร์ ว่าน่าจะสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 8 ถึง 9 และเป็นไปได้ว่ามนเทียรสร้างขึ้นหลังจากบ่อย้ำขั้นบันไดนี้
ชิ้นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของบ่อน้ำขั้นบันไดมีอายุเก่าแก่กว่าศตวรรษที่ 8 ส่วนอาคารสิ่งก่อสร้างทรงพระราชวังนั้นเข้าใจว่าสร้างขึ้นในภายหลัง ด้วยลักษณะของซุ้มโค้งแบบสถาปัตยกรรมโมกุลปรากฏใช้ในจักรวรรดิจาวหัน (Chauhan) ปัจจุบันห้องเหล่านี้ปิดไม่ให้เข้าชม ชั้นบน ๆ เชื่อว่าสร้างขึ้นในจักรวรรดิโมกุล
พระพิฆเนศ หรือ พระคเณศ
เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู โอรสแห่งพระศิวะ และพระปารวตี ผู้เป็นที่นับถือทั้งในประเทศไทย และดินแดนต้นกำเนิดอย่างประเทศอินเดีย ท่านเป็นตัวแทนของสิ่งดีในหลายด้าน ทั้งปัญญา ความสำเร็จลุล่วง ความเจริญรุ่งเรือง ความแคล้วคลาดจากสิ่งไม่ดี และความเป็นใหญ่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง จึงไม่แปลกที่ในอินเดียจะมีการจัดเทศกาล คเณศจตุรถี (Ganesh Chaturthi) เพื่อบูชาเฉลิมฉลองวันประสูติของท่านอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน และต่อไปนี้คือ 5 เมืองบูชาพระพิฆเนศในอินเดีย ที่ผู้ศรัทธานิยมเดินทางไปร่วมงานกันทุกปี
ฮาวา มาฮาล Hawa Mahal แปลว่า “พระราชวังแห่งสายลม”
เป็นพระราชวัง ตั้งอยู่ในเมืองชัยปุระ รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย สร้างในปีค.ศ. 1799 โดยมหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) สร้างโดยหินทรายสีชมพู และสีแดง
Hawa Mahal ออกแบบโดยลาล ชันด์ อุสถัด (Lal Chand Ustad) โดยถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฏพระนารายณ์ โดยมีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ บริเวณด้านหน้าอาคารมีหน้าบันสูงห้าชั้นและมีลักษณะคล้ายรังผึ้ง ซึ่งประกอบด้วยหน้าต่างขนาดเล็กตกแต่งด้วยลวดลายฉลุเป็นช่องลมจำนวน 953 บาน
ลายฉลุนั้นมีเพื่อนางในวังสามารถมองทะลุออกมาเห็นชีวิตภายนอกบนท้องถนนได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นจากด้านนอก เนื่องจากนางในเหล่านั้นต้องมีความเคร่งครัดในการคลุม “ปูร์ดาห์” (หรือ ผ้าคลุมหน้า)
พระราชวังกลางน้ำ
ซึ่งตั้งเด่นสง่า อยู่กลางทะเลสาบมันสาคร (Man Sagar) ใกล้กับชัยปุระ รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย โดยพระราชวังแห่งนี้และทิวทัศน์ของทะเลสาบโดยรอบถูกต่อเติมและปรับปรุงโดยมหาราชา สะหวาย ชัย สิงห์ที่ 2 ตัวพระราชวังนั้นสร้างได้อย่างสวยงามตามสถาปัตยกรรมราชปุตและโมกุล ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในสิ่งก่อสร้างในรัฐราชสถาน โดยพระราชวังนี้นั้นมีความสวยงามเนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบและโดยมีเทือกเขานหาร์การห์ตั้งอยู่เบื้องหลัง ตัวอาคารสร้างโดยใช้หินทรายสีแดง ประกอบด้วยทั้งหมด 5 ชั้นซึ่ง 4 ชั้นล่างจะถูกน้ำท่วมเมื่อทะเลสาบมีระดับน้ำสูงสุด โดยเหลือเพียงชั้นบนสุดซึ่งจะเผยขึ้นมาเหนือน้ำ ฉัตรีซึ่งเป็นยอดหลังคาทรงสี่เหลี่ยมนั้นสร้างในแบบสถาปัตยกรรมเบงกอล ส่วนฉัตรีบริเวณสี่มุมของอาคารนั้นเป็นทรงแปดเหลี่ยม เนื่องจากตั้งอยู่ในน้ำเป็นเวลาอันยาวนานทำให้ฐานของพระราชวังนั้นเริ่มทรุดโทรมลงเนื่องจากกระแสน้ำและน้ำท่วม ทำให้มีการบูรณะเมื่อประมาณ 10-15 ปีที่แล้ว แต่ผลงานที่ได้นั้นมีปัญหาด้านวัตถุดิบที่ใช้ไม่ตรงกับของจริงอิงตามประวัติศาสตร์ค้นคว้าโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยล่าสุดได้มีโครงการร่วมฯเพื่อทำการบูรณะครั้งใหญ่ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการโดยรัฐบาลรัฐราชสถาน
พระราชวังหลวง
ตั้งอยู่ทางเหนือของใจกลางเมืองชัยปุระ (Jaipur) ประเทศอินเดีย มีขนาดกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่กว่า 1 ใน 7 ของใจกลางเมืองชัยปุระกันเลยทีเดียว พระราชวังแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยมหาราชาสะหวายจัย สิงห์ที่ 2 (Maharaja Sawai Jai Singh II) เพื่อเป็นที่พักผ่อน และอยู่อาศัยของเหล่าสมาชิกราชวงศ์ชัยปุระซึ่งปัจจุบันก็ยังคงอาศัยอยู่
รูปแบบสถาปัตยกรรมแห่งนี้เป็นแบบราชปุตผสมกับโมกุล เพราะสมัยก่อสร้างแรกๆ ขณะนั้นราชวงศ์โมกุลได้เข้ามามีอิทธิพลในรัฐราชสถานแล้วนั่นเอง ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องความงามของจิตรกรรมฝาผนัง การแกะสลัก งานตกแต่งด้วยแก้ว หรือแม้แต่กระเบื้องสวยๆ ประตูหลักของที่นี่มีอยู่สามจุดด้วยกันได้แก่ ประตูวิเลนดร้า พอล (Virendra Pol) ประตูอุได พอล (Udai Pol) ที่คนทั่วไปสามารถเข้าออกได้ แต่สำหรับประตูตริโปเลีย (Tripolia Gate) จะมีไว้สำหรับสมาชิกราชวงศ์เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีกิมมิคเป็นประตูเล็กๆ อีกสี่ประตูที่แสดงออกถึงฤดูกาลทั้งสี่นั่นเอง ได้แก่นกยูงหรือ มอร์เกท (Mor Gate) หมายถึงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งมีลวดลายของนกยูงสวยงามที่ซุ้มประตู ประตูดอกบัว (Lotus Gate) ที่เป็นสัญลักษณ์ของฤดูร้อน ประตูเลเรีย (Leheriya gate) เป็นฤดูใบไม้ผลิ และประตูกุหลาบ (Rose Gate) หมายถึง ฤดูหนาว ทั้งสี่ประตูถูกตกแต่งอย่างสวยสดงดงามอลังการ
ภายในพระราชวังหลวงมีพระตำหนัก สวน พื้นที่พักอาศัยของราชวงศ์ และส่วนที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์สะหวายมาน สิงห์ (Sawai Man Singh Museum) จัดแสดงสมบัติราชวงศ์มากมายอย่างภาพวาด ของใช้ หรือเสื้อผ้า นอกจากนี้ไม่ใกล้ไม่ไกลก็มีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2010
JOURNEY TRIP CO.,LTD.
บริษัท เจอร์นี ทริป จำกัด
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว 11/10176
ท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก (กรุ๊ปเหมาส่วนตัว / ทัวร์ Join) ท่องเที่ยวภายในประเทศทุกเส้นทางทั่วไทย
184/18 อาคารฟอรั่ม ทาวเวอร์ ชั้น 11 ถ.รัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310
TEL : 02 245 5690 , 02 245 5691
FAX : 02 245 5690
Hotline : 06-4794-2725 , 061-636-9983 สายด่วน 24 ชั่วโมง
Email : journeytrip18@gmail.com