เที่ยวตุรกี อิสตันบูล ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด
ฉายา “นครสองทวีป” เมืองที่มีความสำคัญมากที่สุดและมีประชากรมากที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล นอกจากจะเป็น ศูนย์กลางความเจริญ และ วัฒนธรรม แล้ว ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม
นครอิสตันบูลประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ
- European Side หรือฝั่งยุโรป ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนโดยปากน้ำที่เรียกว่า Golden Horn ซึ่งแยกจากช่องแคบบอสฟอรัสลึกเข้าไปในฝั่งยุโรป 7.5 กิโลเมตร แบ่งพื้นที่ฝั่งยุโรปเป็น Historic Peninsular และอีกด้านหนึ่งเป็นย่านศูนย์การค้าและธุรกิจ มีสนามบิน 1 แห่ง คือ AtaturkInternational Airport
- Historic Peninsular หรือ Old Istanbul คาบสมุทรประวัติศาสตร์เริ่มจากทางใต้ของโกลเดนฮอร์น (Golden Horn) ถึงตอนเหนือของเขตกาลาตา (Galata District) ซึ่งเป็นที่ตั้งของจตุรัสสุลต่านอะห์เม็ต(Sultanahmet Square) พระราชวังทอปคะปึ (Topkapi Palace) วิหารฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia Church) มัสยิดสีฟ้า (Sultanahmet Mosque หรือ Blue Mosque) ฮิปโปโดรม (Hippodrome) แกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) สไปซ์มาร์เกต (Spice Market) อุโมงเก็บน้ำใต้ดิน (Basilica Cistern) เป็นต้น บริเวณพื้นที่ประวัติศาสตร์ของอิสตันบูลได้รับการขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO World Heritage List)
- Asian Side หรือฝั่งเอเซียเป็นที่อยู่อาศัยมีสนามบิน 1 แห่ง คือ Sabiha Gökçen International Airport
สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจในเมือง อิสตันบูล
มหาวิหารเซนต์โซเฟีย
คุ้นหูกันในชื่อ ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) ตั้งอยู่บริเวณย่านสุลต่านอาห์เหม็ด เขตเมืองเก่าแหล่งรวมสถานที่สำคัญหลายแห่งของอิสตันบูล มหาวิหารที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้าเป็นโบสถ์หลังที่ 3 ซึ่งถูกสร้างขึ้นครอบหลังเดิม หลังพังทลายลงด้วยไฟไหม้จากเหตุจลาจล โดยหลังปัจจุบันเป็นการดำริสร้างของจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 เพื่อหวังสร้างโบสถ์หลังเก่าให้ยิ่งใหญ่และงดงามกว่าโบสถ์ใดๆ โดยกวาดต้อนซื้อและนำวัสดุก่อสร้างจากอาณาจักรต่างๆ เช่น เสาแบบเฮเลนิสติกจากวิหารอาร์ทิมิส เมืองเอเฟซุส หินเนื้อดอกจากอียิปต์ หินอ่อนเขียวจากแคว้นเทสซาลี หินดำจากแถบบอสฟอรัส และหินเหลืองจากซีเรีย
รูปภาพจาก https://unsplash.com/
อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน (Yerebatan Sarnici)
สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิจัสติเนียนเมื่อราวศตวรรษที่ 6 เพื่อเป็นที่เก็บน้ำสำหรับใช้ในพระราชวังและสำรองไว้ยามถูกข้าศึกล้อม โดยมีแหล่งน้ำอยู่ห่างออกไปไกลถึง 20 กิโลเมตร ใกล้กับทะเลดำ เสาหินนับร้อยต้นถูกนำมาค้ำยันพื้นแผ่นดินเบื้องบน ที่มาของเสาแต่ละต้นนั้นนำมาจากซากปรักหักพังของอาคารในหลายเมืองที่โรมันมีชัยเหนือ ฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าได้เห็นเสารูปร่างประหลาด เช่น เสาหยาดน้ำตา หรือเสาประดับรูปศีรษะเมดูซากลับหัวลงและตะแคงข้าง ที่นี่ยังถูกใช้เป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์เรื่อง James Bond 007 From Russia With Love สมัย ฌอน คอนเนอรี ยังรับบทเป็นสายลับ 007 และในภาพยนตร์เรื่อง Inferno ของ แดน บราวน์ อีกด้วย
รูปภาพจาก https://www.freeimages.com/
สุเหร่าสุลต่านอาห์เหม็ด (Sultan Ahmed Mosque)
รู้จักกันดีในชื่อของ บลูมอสก์ (Blue Mosque) เหตุที่เรียกเช่นนั้นมาจากกระเบื้องสีน้ำเงินของดีของเมืองอิซนิก (Iznik) ที่ถูกสั่งมาประดับสุเหร่าทั้งหลัง สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 สมัยสุลต่านอาห์เหม็ดที่ 1 เนื่องจากต้องการเอาชนะความอลังการของมหาวิหารเซนต์โซเฟีย ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ความยิ่งใหญ่ของบลูมอสก์แม้ไม่ตระการตาเท่ามหาวิหารเซนต์โซเฟีย แต่ก็เป็นที่น่าภาคภูมิใจของชาวออตโตมัน โถงสุเหร่าขนาดใหญ่ค้ำยันด้วยเสา 4 ต้นขนาด 10-12 คนโอบ ตัวอาคารประดับด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินตัดกับพรมสีแดงซึ่งอยู่เบื้องล่าง ผนังกรุหน้าต่างถึง 260 บาน รับแสงแดดในช่วงเช้า ลักษณะเป็นกระจกสลับสีวางเรียงเป็นลวดลายเรขาคณิตตามฉบับมุสลิม ด้านนอกโดดเด่นด้วยหอมินาเร็ตมากถึง 6 หอ ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในอิสตันบูล ภายหลังสร้างเพิ่มอีกหนึ่งรวมเป็น 7 หอ เพื่อลดคำครหาการตีเสมอสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ณ เมืองเมกกะของศาสนาอิสลาม
รูปภาพจาก https://www.freeimages.com/
Grand Bazaar
ตลาดเก่าแก่ในร่มอายุกว่า 1,500 ปี สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ตามคำสั่งของสุลต่านอาห์เหม็ดผู้พิชิต หรือสุลต่านอาห์เหม็ดที่ 2 ร้านรวงกว่า 5,000 ร้านบรรจุอยู่ในอาคารทรงโดมคล้ายมัสยิด ซึ่งชาวตุรกีเรียกว่า Bedesten การมาเยือนตลาดนี้นอกจากจะมึนงงกับตรอกซอกซอยที่มีเยอะจนเวียนหัว สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังขึ้นใจคือราคาสินค้า ไกด์แนะนำว่าให้ต่อลงไปเลย 50-70% ไม่ต้องไปกลัว ไม่ต้องเกรงใจ เพราะพ่อค้าที่นี่เขาบวกเพิ่มเรียบร้อย ต่ออย่างเดียวไม่พอ ต้องขอของแถมอีก
รูปภาพจาก https://unsplash.com/
สุเหร่าสุไลมานิเย (Suleymaniye Mosque)
ผลงานชิ้นเอกของสถาปนิกหลวงซีนาน (Sinan) ในศตวรรษที่ 16 ผู้เป็นอาจารย์ของสถาปนิกผู้สร้างบลูมอสก์ ว่ากันว่าเป็นสุเหร่าต้นแบบบลูมอสก์อีกทอดหนึ่ง มองจากระยะไกลถือเป็นสุเหร่าที่สวยงามมากจนหลายคนโหวตให้เป็นสุเหร่าที่สวยที่สุดในอิสตันบูล ด้านหลังสุเหร่ายังเป็นสุสานฝังศพของสุลต่านสุไลมานและอัครมเหสี ก่อสร้างเป็นโดมครอบ บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยป้ายหินหลุมศพขนาดใหญ่ ทว่าให้ความรู้สึกเงียบสงบและสวยงามมากกว่าความน่ากลัว
รูปภาพจาก https://www.freeimages.com/
พระราชวังท็อปกาปี (Topkapi Palace)
พระราชวังเก่าแก่ซึ่งใช้เป็นที่พำนักขององค์สุลต่านในจักรวรรดิออตโตมันยาวนานกว่า 4 ศตวรรษ สร้างขึ้นตามความประสงค์ของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 หลังจากตีกรุงคอนสแตนติโนเปิลแตกพ่าย ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ไว้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของจักรวรรดิ โดยเฉพาะถ้วยโถโอชามและเพชรนิลจินดาทั้งหลาย ซึ่งใครเห็นเป็นต้องตะลึงว่าเหลือกินเหลือใช้เหลือเกิน ไม่ใช่แค่ขนาดที่ใหญ่มากเสียจนจินตนาการไม่ออกถึงเวลาที่ต้องสวมใส่ แต่รูปทรงก็โดดเด่นร่วมสมัยจนอยากเก็บไว้ใช้เองสักเส้นสองเส้น
รูปภาพจาก http://www.booksandbaguettes.com/
พระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahçe Palace)
ปลายศตวรรษที่ 17 พระราชวังท็อปกาปีเริ่มเสื่อมความสำคัญลง สุลต่านและราชวงศ์หลายพระองค์นิยมเสด็จไปประทับยังพระราชวังใหม่แบบยุโรปซึ่งอยู่ริมฝั่งช่องแคบบอสฟอรัส พระราชวังโดลมาบาห์เชสร้างโดยสุลต่านอับดุลเมจิตในยุคปลายอาณาจักรออตโตมัน ว่ากันว่าความหรูหราอลังการของพระราชวังนี้ทำให้จักรวรรดิอันเฟื่องฟูล่มสลาย สะท้อนให้เห็นถึงความคลั่งไคล้ยุโรปของสุลต่านอับดุลเมจิตอย่างเต็มเปี่ยม นักวิจารณ์หลายท่านวิพากษ์ว่าเป็นพระราชวังที่ดูแปลกประหลาด สะท้อนความไร้รสนิยม แม้เต็มไปด้วยของตกแต่งชั้นเลิศ แต่ดูสะเปะสะปะไร้จุดยืน
รูปภาพจาก https://unsplash.com/
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ สถานที่ท่องเที่ยวในอิสตันบูล แต่ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเทียวอีกมากมายที่น่าสนใจ สำหรับท่านใดที่สนใจ โปรแกรมทัวร์ ต้องการ จองตั๋วเครื่องบิน หรือ ที่พัก สามารถสอบถามทาง Journey Trip ของเราได้ เรามีโปรแกรมให้ท่านเลือกมากมาย รับรองว่าไม่ผิดหวัง อย่างแน่นอน
0
Leave a Reply